วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

มารู้จักเผ่าพันธุ์มังกร ใน How to Train Your Dragon อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร

ในหนัง How to Train Your Dragon อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร ฮาวทูเทรนยัวร์ดราก้อน ก็มีมังกรหลายพันธุ์เสียจัง มาดูกันเสียหน่อย ว่า ตัวไหนเป็นตัวไหน เวลาไปดูหนังจะได้ไม่งง
Night Fury  (ไนท์ ฟูรี่) หรือ เพลิงนิล
ไน ท์ ฟูรี่มังกรสายพันธุ์ที่หายากที่สุดและเฉลียวฉลาดที่สุด มีลักษณะโดดเด่นตรงสีตัวเข้ม และดวงตาสีเหลืองสดใส รวมถึงขนาดที่เล็กกว่ามังกรพันธุ์อื่นๆ แผงหน้าอกใหญ่และลำคอที่สั้น ด้วยความที่มันมีอัตราส่วนระหว่างปีกและลำตัวที่มากกว่ามังกรพันธุ์อื่นๆ มันก็เลยสามารถบินได้สูงกว่า เร็วกว่าและนานกว่ามังกรตัวอื่นๆ และอัตราส่วนระหว่างพลังและน้ำหนักที่เหลือเชื่อของมัน ทำให้มันสามารถโผบินขึ้นได้ในแนวตั้ง แต่แม้ว่ามันจะสง่างามยามเหินเวหาซักแค่ไหน มันกลับงุ่มง่าม เซ่อซ่าเหลือเกินยามอยู่บนพื้นดิน เปลวไฟที่ไม่ธรรมดาของมัน (มวลกึ่งแข็งที่เผาผลาญด้วยเปลวเพลิงอซิทิลินและอ็อกซิเจน) จะจุดระเบิดเมื่อกระทบเป้าหมาย มันจะเข้าสู่โหมดการต่อสู้หลังจากพระอาทิตย์ตกดินและจากมุมสูง โดยมันจะใช้ปีกห่อหุ้มตัวเอาไว้ และจะพุ่งตัวราวกับกระสุน ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นในวินาทีสุดท้ายเพื่อพ่นไฟอย่างแม่นยำและรุนแรง…ก่อนจะ อันตรธานหายไปในยามราตรี คำเตือนเพียงหนึ่งเดียวคือเสียงดังที่เกิดจากการพุ่งตัวของไนท์ ฟูรี่ การโจมตีแบบคามิคาเซ่และลักษณะนิสัยที่หวาดระแวงและจิตใจช่างวิเคราะห์ของ มัน ทำให้ไนท์ ฟูรี่เป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขาม ที่มีอัตราความสำเร็จในการโจมตีสูงจนน่าทึ่ง จนถึงปัจจุบัน ไม่เคยมีไนท์ ฟูรี่ตัวไหนที่ถูกสอยร่วงมาก่อนเลย


Deadly Nadder (เด๊ดลี แนดเดอร์) หรือ เพลิงเมฆาจอมโหด
อย่า โดนหลอกเชียวล่ะ เพราะเพลิงเมฆาจอมโหด มังกรสีสวย ที่มีสีสันแบบเขตร้อนที่เจิดจ้าและหลากหลายราวกับนกแก้ว เป็นตัวอันตรายของแท้ มันเป็นนกเปลี่ยนใจง่าย ก้าวร้าว และมีอารมณ์แปรปรวนรุนแรง และซ้ำร้ายกว่านั้น มันเป็นนกที่เย่อหยิ่งหลงตัวเองซะด้วย การโจมตีของมันมีสองแบบ คือมันสามารถพ่นแม็กนีเซียมบริสุทธิ์ (ไฟมังกรที่ร้อนแรงที่สุด) ได้ระยะไกลหลายร้อยหลา และมันก็สามารถฟาดหางที่เต็มไปด้วยหนามอันตรายของมันได้ด้วย คุณสมบัตินี้ บวกกับความจริงที่ว่ามันเป็นอันตรายบนฟากฟ้าพอๆ กับที่มันเป็นอันตรายบนพื้นดิน ก็ทำให้มันเป็นหนึ่งในมังกรที่ต่อกรด้วยได้ยากที่สุด ด้วยขาที่มีกล้ามเนื้อแข็งแรงและเคลื่อนไหวฉับไว มันสามารถกางแผงหนามบนร่างกาย และป้องกันตัวเองด้วยจะงอยปากและคมเขี้ยวที่แหลมคม หัวของมันก็เป็นเสมือนค้อนทุบ ที่สามารถถล่มได้แม้แต่ผนังและประตูที่แข็งแรงที่สุด จุดอ่อนของมันคือเรื่องสายตา เพราะดวงตาของมันอยู่ที่ด้านข้างศีรษะ ทำให้เพลิงเมฆาจอมโหด ไม่อาจมองเห็นสิ่งที่อยู่ต่อหน้าต่อตาได้


Monstrous Nightmare (มอนทรัส ไนท์แมร์) หรือ พญาเพลิงพิฆาต
พญา เพลิงพิฆาต เป็นเหมือนตัวชูโรงสำหรับสายพันธุ์มังกร เป็นมังกรที่มีรูปร่างลักษณะน่าสะพรึงกลัว และเป็นที่รู้จักมากที่สุดในหมู่มังกร พญาเพลิงพิฆาต ซึ่งลำตัวส่วนใหญ่มีสีแดงและดำ เป็นสัตว์ที่รุนแรง หัวรั้นและมีทิฐิ มันจะเป็นตัวแรกที่มาถึงสงครามและเป็นตัวสุดท้ายที่จะจากสงคราม มันมีสายตาที่กว้างไกลและมีปีกกว้าง ที่ทำให้มันดูเหมือนจะตัวใหญ่ขึ้นไปอีก ซึ่งเป็นการสร้างความหวาดหวั่นให้กับศัตรูได้เป็นอย่างดี มันสามารถโจมตีได้ทั้งบนพื้นดิน (เกาะผนัง และใช้ปากกว้างและเขายาวๆ ของมันในระยะประชิด) และในอากาศ แม้ว่าปีกขนาดใหญ่ของมันจะทำให้มันเคลื่อนไหวได้ช้ายามอยู่บนพื้นดิน และขนาดใหญ่โตของมันก็ทำให้มันกลายเป็นเป้าอย่างดี แต่จุดอ่อนเหล่านี้ก็ถูกชดเชยได้ด้วยหนามแหลมคมและไฟเจลเคโรซีน ที่เป็นอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดของมัน ไฟเหนียวหนึบนี้จะไหลซึมเข้าไปตามรอยแยกและคู ทำให้การดับไฟของมันเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้เลย กลยุทธของมันก็คือการอาบตัวมันเองด้วยเปลวเพลิงตั้งแต่จมูกจรดหาง และโจมตีศัตรูขณะที่ตัวของมันยังถูกเผาผลาญด้วยเปลวเพลิงเช่นนั้น
 Gronckle (กรองเคิล) หรือ แหนมคึก
แหนม คึก มีลักษณะเด่นตรงที่ลำตัวที่อวบอ้วนและปีกขนาดจิ๋ว ที่สามารถกระพือด้วยความเร็วสูง ทำให้มันสามารถบินไปด้านหลังหรือด้านข้างได้ แหนมคึกชอบการนอนหลับ และบางครั้ง มันก็สามารถผลอยหลับได้ระหว่างบินหรือนอนกองอยู่บนเพื่อนพ้องมัน ทำให้เกิดกองมังกรหลับขนาดใหญ่ขึ้นมา มันแบ่งเวลาในแต่ละวันตามนี้คือ บิน 1% กิน 5% บ่น 10% นอน 84% ระหว่างการโจมตี แหนมคึกจะบดขยี้ศัตรูด้วยหางที่ยืดขยายได้ และปลายหางที่มีลักษณะเหมือนลูกตุ้ม หรือด้วยการใช้ศีรษะพุ่งชน แต่อาวุธที่ร้ายกาจที่สุดของมันคือเปลวไฟ ที่สามารถทำให้หินหนักหลายร้อยปอนด์หลอมละลายกลายเป็นลาวา ซึ่งถูกผสมผสานกับอ็อกซิเจน (จากการหายใจ) และพ่นมันใส่ศัตรูราวกับกระสุนปืนใหญ่ไฟ จุดอ่อนของมันคือสายตาที่เลวร้าย บางครั้งมันถึงกับมองผิดว่าหินคือไข่ของมัน และนั่งบนหินพวกนั้นเพื่อรอให้มันฟักตัวด้วยซ้ำไป
 Hideous Zippleback (ฮิเดียส ซิพเพลแบ็ค) หรือ ซิปสองหัวจอมอัปลักษณ์
ซิป สองหัวจอมอัปลักษณ์ เป็นมังกรที่แปลกพิสดารที่สุด ใครๆ ก็เห็นมันได้ง่าย (และเข้าใจได้ง่ายด้วยว่ามันได้ชื่อนี้แต่ใดมา) แค่มองศีรษะทั้งสองของมัน ที่ตั้งอยู่บนลำคอแยกจากกันที่สามารถ “ซิป” ให้ติดกันได้ แม้ว่ามันจะเป็นมังกรที่ตัวยาวที่สุด แต่มันยังดันมีปีกที่เล็กที่สุด แถมขาก็เตี้ยม่อต้ออีกต่างหาก ทำให้มันไม่ได้เก่งกาจทั้งบนพื้นดินและในอากาศ แต่เรื่องพวกนั้นก็ไม่สำคัญเท่าไหร่หรอก เพราะการโจมตีที่ไม่ธรรมดาของมันร้ายกาจสุดๆ แทนที่จะพ่นไฟออกมา ศีรษะหนึ่งสามารถพ่นแก๊สติดไฟออกมาได้ ส่วนอีกศีรษะหนึ่งก็จะจุดระเบิดมันด้วยประกายไฟ ดังนั้น มันก็สามารถจู่โจมจากระยะไกล ด้วยการปล่อยให้แก๊สซึมเข้าไปตามหลืบซอกมุม ก่อนที่จะมีการจุดระเบิดมันขึ้นมา จุดบกพร่องทางกายภาพและหัวสมองทึบของมัน ทำให้มังกรสายพันธุ์นี้แทบจะสูญพันธุ์อยู่แล้ว จุดแข็งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมัน ซึ่งก็คือศีรษะทั้งสอง ก็เป็นจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมันเช่นกัน เพราะศีรษะทั้งสองมักจะเห็นแย้งกันอยู่เสมอ ทำให้มันต้องหยุดชะงักอยู่บ่อยๆ ซึ่งก็ทำให้ไวกิ้งหลายคนสามารถทำให้มันสับสนและล้มมันได้ ซิปสองหัวจอมอัปลักษณ์ตัวผู้ มักจะใช้ชีวิตอย่างโง่เขลาจนกระทั่งมันระเบิดตัวเองไป ในขณะที่ตัวเมียจะมีเหตุผลมากกว่าและมีชีวิตที่ยืนยาวกว่า
 Terrible Terror (เทอร์ริเบิล เทอร์เรอร์) หรือ จิ๋วจิ้ว
ใน บรรดามังกรที่เป็นที่รู้จักทุกสายพันธุ์ จิ๋วจิ้ว มีขนาดเล็กที่สุดและมีจำนวนประชากรเยอะที่สุด แม้ว่ามันจะเดินทางเป็นฝูง มันกลับไม่ได้เปรียบในเรื่องของจำนวนเพราะการทะเลาะเบาะแว้งในกลุ่ม แทนที่จะร่วมกันวางแผนโจมตี สิ่งนี้เองทำให้พวกมันไม่มีประสิทธิภาพในการสู้รบ พวกมันก็เลยมักจะคุ้นเขี่ยหาซากอาหารแทนที่จะไปล่าด้วยตัวเอง ด้วยความที่จิ๋วจิ้วไม่สามารถบินเป็นระยะทางไกลๆ ได้ มันก็มักจะขออาศัยบินไปกับมังกรที่ตัวใหญ่กว่าเสมอ อัตราการสืบพันธุ์ที่สูงและลักษณะนิสัยที่ไม่ชอบเผชิญหน้ากับมนุษย์ของมังกร สายพันธุ์นี้ทำให้มันออกลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง แม้ว่ามันจะมีจุดอ่อนมากแค่ไหนก็ตาม แม้ว่ามีรายงานว่ามีมังกรจิ๋วจิ้วเป็นพันๆ ตัว ก็ไม่ค่อยมีใครเห็นมัน ไวกิ้งบางคนไม่เคยเห็นมังกรชนิดนี้ตลอดชีวิตด้วยซ้ำไป
XXX ตัวสุดท้าย ไม่มีรูป ดูจะๆตาในโรงเอาเอง
Red Death (เรด เดธ) หรือ ราชันย์แดง
แม้ ว่ามันจะถูกมองว่าเป็นจ้าวแห่งมังกรทั้งมวล แต่จริงๆ แล้ว แทบไม่มีใครรู้เรื่องราวของราชันย์แดง มังกรแห่งมิดการ์ดเลย แต่คนเชื่อกันว่า ราชันย์แดงมีชีวิตยืนยาวถึง 2,000 ปี และก่อนที่มันจะสิ้นลม มันก็จะวางไข่ 3,000 ฟอง หลังจากที่ไข่เหล่านั้นฟักแล้ว ลูกๆ ของมันก็จะสู้และฆ่าฟันกันจนกว่าจะเหลือมังกรที่เป็นผู้นำเพียงแค่ตัวเดียว ตำนานว่าไว้ว่าการต่อสู้นี้อาจจะกินเวลายาวนานเป็นร้อยปี บางคนเชื่อว่าจริงๆ แล้ว การต่อสู้ถึงชีวิตของพวกมันเป็นการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอาณาเขต โดยผู้ชนะจะได้ครองศูนย์กลางโลก และผู้รอดชีวิตก็จะถูกเนรเทศไปยังดินแดนห่างไกล มันอาจอธิบายได้ถึงเรื่องตำนานมังกรที่ปรากฏอยู่ทั่วโลก ทั้งในจีน แอฟริกาและรัสเซีย ราชันย์แดงแตกต่างจากมังกรพันธุ์อื่นๆ ตรงที่มันสามารถใช้ชีวิตทั้งชีวิตอยู่ในถ้ำ และยังชีพอยู่ด้วยอาหารที่มังกรลูกสมุนส่งมาให้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่มังกรชนิดนี้ไม่ค่อยปรากฏบ่อยนัก แน่นอนว่าถ้ามันหิวและเกิดมองหาอาหารขึ้นมาล่ะก็ มันก็อาจจะพบคุณเข้าก็ได้
ว้าว นี่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ในหนังยังมีอีกเป็นพันๆตัว โลกของมังกรและไวกิ้ง สนุกใช้ได้เลยครับ

ตำนานมังกรโบราณของชาวจีน

ตำนานมังกรโบราณของชาวจีน


พอเอ่ยถึง ประเทศจีนแล้ว สัญลักษณ์ของประเทศจีนสัญลักษณ์แรกที่พี่ปาล์มนึกออก ก็คือ "มังกร" ค่ะ มังกรเป็นสัญลักษณ์ของความสง่างาม เทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บันดาลโชคลาภและควรเคารพยกย่อง ถึงขนาดจักรพรรดิของจีนก็มีสัญลักษณ์เป็นมังกรเลยนะคะ วันนี้พี่ปาล์มมีตำนานมังกรจีนมาฝากค่ะ
ตำนานมังกรจีนโบราณมีอายุยาวนานกว่า 4,000 ปี ซึ่งลักษณะรูปร่างของมังกรจีนนั้น สุดแล้วแต่นักวาดรูปจะจินตนาการเสริมแต่งออกมา การขายจินตนาการของนักวาดรูปจะเขียนมังกรออกมาโดยยึดลักษณะรูปแบบที่เล่าต่อ ๆ กันมาคือ มังกรจีนจะมีลักษณะลำตัวที่ยาวเหมือนงู มีเกล็ดสีเขียว นัยน์ตาสีแดง มีหนวดและเขาอย่างละคู่ มีขา 4 ขา และกงเล็บที่แข็งแรง มังกรจีนโบราณถูกยกย่องว่าเป็นสัตว์เทพเจ้าซึ่งชาวจีนเคารพนับถือ เป็นสัตว์พาหนะของเทพเจ้าในลัทธิเต๋า ทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองปราสาทราชวังของเทพเจ้าบนสวรรค์ มังกรจีนที่มีกงเล็บ 5 เล็บ ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งจักรพรรดิหรือฮ่องเต้ของจีนเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดม สมบูรณ์ มังกรบางตัวจะถือไข่มุกเม็ดใหญ่อยู่ที่ขาหน้า ครั้งหนึ่งคนเคยคิดว่าไข่มุกคือไข่ของมังกร มังกรบางชนิดวางไข่ในน้ำไหล






มังกร จีนในตำนานนั้น สามารถที่จะทำตัวเองให้มีขนาดใหญ่เท่ากับจักรวาลหรือมีขนาดเล็กเท่ากับหนอน ไหมได้ และในบรรดาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 ของ จีน มังกรจีนถือเป็นสัตว์แห่งเทพเจ้า ได้รับความนับถือมากที่สุด มังกรจีนมีลักษณะนิสัยที่เมตตากรุณา เป็นมิตร ทะเยอทะยาน และมองโลกในแง่ดี นอกจากนี้ยังมีความฉลาด มีปัญญามาก มีความเด็ดขาด และมีพลัง มังกรจีนจึงเป็นที่ปรึกษาของผู้นำในด้านต่าง ๆ แต่มังกรจีนมีทิฐิในตัว จะถือตัวว่าถูกหมิ่นประมาทเมื่อผู้นำไม่ยอมทำตามคำแนะนำของมังกรจีน หรือเมื่อผู้คนไม่ให้เคารพความสำคัญ มังกรจีนจะทำให้ฝนหยุดตก หรือเป่าเมฆดำออกมาซึ่งจะนำพาพายุ และน้ำท่วมมาให้ มังกรตัวเล็กก็ทำเรื่องยุ่งยากเล็ก ๆ เช่นทำหลังคารั่ว หรือทำให้ข้าวเกิดความเหนอะหนะ
มังกร จริง ๆ ในปัจจุบันก็คือซากของไดโนเสาร์ยุคดึกดำบรรพ์ ซึ่งกลายเป็นหิน ไข่ไดโนเสาร์ถูกค้นพบในหลายพื้นที่ในประเทศจีน ซึ่งขึ้นชื่อว่ามีไดโนเสาร์มากที่สุดในโลกในสมัยโบราณใช้ในการประกอบเป็นยา สมุนไพร เรียกกันว่า "ยากระดูกมังกร" ส่วนไข่ของมังกรจีนนั้นในสมัยเฉียนหลง ถือเอาไข่มังกรจีนเป็นเครื่องรางประจำราชสำนักภายในพระราชวังปักกิ่ง
ตามความเชื่อของชาวจีนโบราณนั้น จะมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ 4 ชนิด คือ กิเลน หงส์ เต่า และมังกร โดยชาวจีนจะเชื่อถือกันว่ามังกรนั้น เป็นสัตว์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาสัตว์ทั้ง 4 ชนิดนั้น มังกรจีนหรือที่ชาวจีนเรียกกันว่า "เล้ง-เล่ง-หลง-หลุง" ซึ่ง จะมีความแตกต่างกันไปตามลักษณะของการออกเสียงของในแต่ละท้องถิ่น ชาวจีนถือว่ามังกรนั้นเป็นสัญลักษณ์ของพลัง อำนาจ ความยิ่งใหญ่ และเพศชาย





เนื่อง จากมังกรจีนเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสัตว์แห่งเทพเจ้าในสรวงสวรรค์และเป็นตัวแทนของจักรพรรดิ ผู้เป็นโอรสจุติมาจากสวรรค์ ชาวจีนจึงมีความเชื่อว่าหากผู้ที่ได้พบเห็นมังกร จะถือว่าเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองมาก ผู้ที่มีโอกาสจะได้ขี่หลังมังกรจะต้องเป็นคนมีศีล มีสัตย์ มีจิตใจบริสุทธิ์ดีงาม ถึงจะมีมังกรมารับไปเป็นเซียนอยู่บนสวรรค์ ในสมัยโบราณนั้นชาวจีนได้มีการจัดทำ ตำรามังกร ขึ้นมา ซึ่งเป็นการรวบรวมในรายละเอียดส่วนของประวัติ เผ่าพันธุ์และลักษณะของมังกรไว้อย่างละเอียดที่สุด แต่เนื่องมาจากตำราเหล่านั้นได้สูญหายไปตามกาลเวลาแล้ว การศึกษาเรื่องของมังกรจีนในปัจจุบัน จึงเป็นเพียงแค่การศึกษาจากหลักฐานต่าง ๆ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่และจากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ชาวจีนเท่านั้น
ตาม ตำนานในสมัยโบราณของจีน มี เจ้าแม่นึ่งออ หรือ หนี่วา มีลักษณะลำตัวเป็นคน แต่หัวเป็นงู ซึ่งในบางตำราก็มีการบอกต่อ ๆ กันมาว่าว่ามีลำตัวตัวท่อนบนเป็นคน แต่ท่อนล่างเป็นงู เมื่อเจ้าแม่นึ่งออสิ้นอายุไข นางได้ตายไปแล้วเป็นเวลา 3 ปี แต่ศพของนางกลับไม่เน่าเปื่อย และเมื่อมีคนลองเอามีดผ่าท้องของนางดู ก็ปรากฏมีมังกรเหลืองตัวหนึ่งพุ่งออกมาแล้วเหาะขึ้นฟ้าไป
ตามตำราดึกดำบรรพ์ของจีนกล่าวกันว่า มังกรจีนนั้น ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในสมัยของ พระเจ้าฟูฮี,ฟูซี หรือฟูยี (หรือเมื่อประมาณ 3,935 ปีก่อนพุทธกาล) มี ตำนานกล่าวกันไว้ว่า มีมังกรอยู่ตัวหนึ่งเป็นเจ้าเหนือน่านน้ำทั้งปวงเป็นระยะเวลาหลายพันปี ซึ่งแท้จริงแล้วมังกรตัวนั้นก็คือ พระเจ้าฟูฮี แปลงร่างนั่นเอง พระเจ้าฟูฮีนั้นป็นผู้ที่มีความสามารถเป็นอย่างมาก ทรงคิดประดิษฐ์ของหลายสิ่งหลายอย่าง เช่น "โป๊ย-ก่วย" หรือ ยันต์แปดทิศ อีกทั้งยังทรงเป็นผู้กำหนดการที่ให้ชายหญิงมีการหมั้นหมายกันเป็นคู่ครองอีกด้วย
ในหนังสือประวัติวัฒนธรรมจีนได้กล่าวกันไว้ว่า มังกรนั้นได้ถือกำเกิดขึ้นในสมัยพระเจ้าอึ่งตี่ พระเจ้าอึ่งตี่, อึ้ง ตี่ หรือหวงตี้ ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ที่รวบรวมแผ่นดินจีนไว้เป็นผืนเดียวกัน โดยพระองค์ได้ทรงสร้างจินตนาการรูปมังกรขึ้นมา จากการรวมสัญลักษณ์ของเผ่าต่าง ๆ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้มังกรกลายเป็นสัญลักษณ์ที่ว่าเผ่าต่าง ๆ ได้รวมกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว ตามตำนานกล่าวไว้ว่าเมื่อพระเจ้าอึ่งตี่สิ้นอายุขัย ก็มีมังกรจากฟ้าลงมารับพระองค์และพระมเหสีขึ้นไปเป็นเซียนบนสวรรค์ โดยบางตำราได้กล่าวว่าพระองค์นั้นเป็นหวงตี้องค์เดียวกับที่ได้เป็นเจ้า สวรรค์ หรือเง็กเซียนฮ่องเต้ในเวลาต่อมา เพราะเหตุนี้ชาวจีนจึงถือว่ามังกรเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์และเป็นเจ้าแห่ง สัตว์ทั้งปวง

ขอขอบคุณที่มา  http://statics.atcloud.com

10สายพันธุ์มังกรในตำนาน.....

10สายพันธุ์มังกรในตำนาน.....

                   มังกร อาจจะเป็นสัตว์ที่มีชื่อเสียงที่สุดก็ว่าได้ และก็เป็นสัตว์จำพวกที่ปกปิด จากสายตามักเกิ้ลยากที่สุดด้วย มังกรตัวเมียส่วนมากจะมีขนาด ใหญ่กว่าและ ดุร้ายกว่าตัวผู้ แต่ไม่ว่าจะเป็นมังกรเพศไหนก็ไม่ควรเข้าใกล้ ยกเว้นพ่อมด ที่เก่งกาจและได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีเท่านั้น หนัง เลือด หัวใจ ตับ และเขามังกร ล้วนมีคุณ สมบัติทางเวทย์มนต์สูง แต่ไข่มังกรก็จัดอยู่ในสินค้าห้ามซื้อขาย มังกรมี อยู่สิบสายพันธุ์ที่หายากแต่บางครั้ง ก็มีการผสมข้ามพันธุ์ที่หายากขึ้นมาได้ มังกรสายพันธุ์แท้มีดังต่อไปนี้



จีนลูกไฟ (chinese fireball)

              เป็นมังกรเอเชียเพียงพันธุ์เดียว และมีรูปร่างที่แปลกแตกต่างจากพันธุ์อื่น ๆ เกล็ดเรียบสีม่วง รอบใบหน้าที่สั้นและย่นมีระบายกรีบสีทองล้อม ประดับไว้ ดวงตาโปนโต เปลวไฟรูปร่างคล้ายดอกเห็ดที่มันพ่นออกมาในยามโกรธเป็นที่มาของชื่อพันธุ์ ลูกไฟ น้ำหนักอยู่ระหว่าง2-4ตัน ตัวเมีย จะใหญ่กว่าตัวผู้ ไข่เป็นสีทับทิมสดมีจุดสีทอง เปลือกไข่มีค่าเพราะนำไปใช้ประกอบเวทย์มนต์แบบจีนได้พันธุ์ลูกไฟมีนิสัยดุ ร้าย แต่มีความ อดทนต่อมังกรสายพันธุ์เดียวกันสูงมากกว่ามังกรส่วนใหญ่ บางครั้งถึงกับยอมใช้อาณาเขตร่วมกันตัวอื่นถึง2ตัวพันธุ์จีนลูกไฟกินสัตว์ เลี้ยง ลูก ด้วยนมเป็นหลัก แม้ว่าจะชอบกินหมูหรือมนุษย์มากกว่าก็ตาม
 

นอร์เวย์หลังเป็นสัน (Norwegian Ridgeback)
       นอร์เวย์หลังเป็นสันมีความคล้ายคลึงกันมังกร พันธุ์ฮังการีหางหนามในหลาย ๆ ด้าน แต่แทนที่จะมีหนามแหลมที่หาง มันจะมีสันสีดำสนิท ยื่นออกมาจากหลังแทน พันธุ์หลังเป็นสันจะดุร้ายกับพันธุ์เดียวกันมากเป็นพิเศษทุกวันนี้มันจัด เป็นหนึ่ง ในสายพันธุ์มังกรที่หายากขึ้นทุกที มันเคยโจมตีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่บนดินมาแล้ว แทบทุกชนิดและที่ต่างจากมังกรทั่วไปคือ มันกินสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในน้ำด้วย รายงาน ที่ปราศจากหลักฐานระบุว่า มังกรพันธุ์นี้เคยโฉบเอาลูกปลาวาฬไปจากชายหาดแห่งหนึ่งในนอร์เวย์เมื่อปี ค.ศ.1802 ไข่ของพันธุ์หลังเป็นสัน แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ นักโทษแห่งอัสคาบันมีสีดำ และตัวอ่อนจะพัฒนาความสามารถในการพ่นไฟได้เร็วกว่าพันธุ์อื่น (ระหว่างหนึ่งถึงสาม เดือนเท่านั้น)
เพรูเวียน ไวเปอร์ทูท (Peruvian Vipertooth)
           หรือเปรูเขี้ยวพิษ เป็นมังกรพันธุ์เล็กที่สุด และบินได้เร็วที่สุด ความยาวอยู่ราว ๆ สิบห้าฟุต เกล็ดเรียบสีทองแดง และมีสันสีดำ เขาสั้น เขี้ยวมี พิษร้ายแรง พันธุ์เขี้ยวพิษโปรดปรานแพะและวัวแต่ก็ชื่นชอบรสเนื้อมนุษย์ด้วย จนสมาพันธ์พ่อมดนานาชาติจำเป็นต้องส่งผู้ควบคุมไปลด ปริมาณของ พันธุ์เขี้ยวพิษเมื่อปลายศตวรรษที่ 19 ก่อนหน้านั้นปริมาณของมังกรนี้ ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ 

 ยูเครเนียน ไอรอนเบลลี (Ukrainian Ironbelly)
                หรือยูเครนกระเพาะเหล็ก เป็นมังกรพันธุ์ใหญ่ที่สุด น้ำหนักมากที่สุดถึง 6ตัน ตัวกลมป้อม บินได้ช้ากว่าพันธุ์เขี้ยวพิษและพันธุ์โรมาเนียเขายาว อย่างไรก็ตาม พันธุ์กระเพาะเหล็กมีอันตรายมากมันทำลายให้บ้านเรือนเรียบเป็นหน้ากลองได้ เกล็ดสีเทาเป็นมัน ตาสีแดงเข้ม กรงเล็บยาว และแหลมคมมาก มังกรพันธุ์กระเพาะเหล็กถูกเจ้าหน้าที่พ่อมดยูเครนจับตาดูอย่างใกล้ชิด นับตั้งแต่มีตัวหนึ่งโฉบไปหิ้วเรือใบ (โชคดีที่ว่างเปล่า) ที่ทะเลดำในปี ค.ศ.1799 

โรมาเนียน ลองฮอร์น (Romanian Longhorn)
          หรือโรมาเนียเขายาว มีเกล็ดสีเขียวดำเขาสีทองเป็นประกาย ซึ่งมันจะใช้เสียบเหยื่อย่างไฟของเขามันเมื่อเอาไปป่นเป็นผงแล้วมีค่ามาก ใช้เป็นเครื่องปรุงยาได้ ปัจจุบันนี้ดินแดนแหล่งกำเนิดของพันธุ์โรมาเนียเขายาว ได้กลายเป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์มังกรที่สำคัญที่สุดในโลก ซึ่งพ่อมดทุกสัญขาติ ได้ศึกษามังกรพันธุ์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด พันธุ์เขายาวถูกจัดอยู่ในโครงการ เพาะพันธุ์เร่งด่วนด้วย เนื่องจากจำนวน ของมันลดต่ำลงในช่วงสองสามปีที่ ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นเพราะการซื้อขายเขาของมัน ซึ่งปัจจุบันจัดเป็นสินค้าซื้อขายได้ 

เวลส์สีเขียวธรรมดา (Common Welsh Green) 
        พันธุ์เวลส์สีเขียวนั้นสีกลมกลืนกับ หญ้าเขียวสดที่บ้านเกิดของพวกมันเป็นอย่างดี มักจะทำรังอยู่บนภูเขาสูง ซึ่งกำหนดไว้เป็นเขตอนุรักษ์ เพื่อให้มันอยู่อาศัย ถ้าไม่นับเหตุการณ์ที่อิลฟราคอมบ์ สายพันธุ์นี้ก็จัดอยู่ในประเภทที่สร้างปัญหาน้อยที่สุด มันชอบกินแกะเป็นอาหาร และจะหลีกเลี่ยงจากมนุษย์ ยกเว้นเมื่อถูกรบกวน พันธุ์เวลส์สีเขียวมีเสียงคำรามที่สูง ๆ ต่ำ ๆ เหมือนดนตรีอย่างน่าประหลาด และเป็นเสียง ที่จดจำได้ง่าย มันจะพ่นไฟเป็นลำบาง ๆ ไข่เป็นสีน้ำตาลหม่น ๆ มีจุดสีเขียว
 


 สวีเดนจมูกสั้น (Swedish Short-Snout)
          เป็นมังกรสีฟ้าเหลือบเงินแสนสวย คนมักเอาหนังของมันมาทำถุงมือและโล่ เปลวไฟที่พ่นออกมาเป็นสีฟ้าใส ซึ่งเผาผลาญไม้และ กระดูก เป็นเถ้าถ่าน ได้ภายในไม่กี่วินาที พันธุ์จมูกสั้นฆ่ามนุษย์น้อยกว่ามังกรส่วนใหญ่ มันมักอาศัยอยู่ตามป่าและบริเวณภูเขาที่ไม่ทีคนอาศัยอยู่ จึงไม่มีวีรกรรมมากนัก

 

 แอนตี้โพเดี้ยน โอเพิลอาย (Antipodean Opaleye)

      หรือแอนติโพเดี้ยนตาสีรุ้ง มีถิ่นกำเนิดในนิวซีแลนด์ แต่ต่อมาก็อพยพไปอยู่ออสเตรเลียเนื่องจากที่อยู่ในบ้านเกิดเริ่มจำกัด อาศัยอยู่ใน หุบเขามากกว่าตามภูเขา ซึ่งแตกต่างจากมังกรทั่วไป มังกรพันธุ์นี้มีขนาดกลาง(น้ำหนักระหว่าง 2-3 ตัน) ตาสีรุ้งอาจจะเป็นมังกรพันธุ์ที่ สวยงามที่สุดก็เป็นได้ มีเกล็ดมันวาวสีเหลืองรุ้ง และมีดวงตาหลากสีประกายปราศจากม่านตา ซึ่งเป็นที่มาของชื่อพันธุ์ มังกรพันธุ์นี้ จะพ่นไฟสีม่วงเจิดจ้า ตามมาตรฐานมังกรถือว่าไม่ดุร้ายนัก ส่วนมากถ้าไม่หิวก็จะไม่ฆ่า อาหารโปรดคือแกะ แต่ก็เคยล่าเหยื่อที่ใหญ่กว่านั้น การฆ่าจิงโจ้ครั้งใหญ่ตอนปลายทศตวรรษที่ 1970 เป็นฝีมือของพันธุ์สีรุ้งตัวผู้ที่ถูกตัวเมียซึ่งมีอิทธิพลมากกว่าไล่ออกจาก บ้าน ไข่ของมัน สีเทาซีดและมักเกิ้ลที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวมักเข้าใจผิดว่าเป็นฟอสซิล 

ฮังการีหางหนาม (Hungarian Horntail)
         คาดว่าดุร้ายที่สุดในบรรดามังกรทุกสาย พันธุ์ พันธุ์ฮังการีหางหนาม มีเกล็ดสีดำ และรูปร่างคล้ายกิ้งก่า ตาสีเหลือง เขาสีบรอนซ์ และ ตลอดหางอันยาวเหยียดของมัน ก็มีหนามแหลมสีบรอนซ์เช่นเดียวกัน พันธุ์หางหนามพ่นไฟได้ไกลที่สุด (ไกลสุดถึง 15 ฟุต) ไข่สีเทา เหมือนสีเมนต์และเปลือกแข็งมากตัวอ่อนจะเจาะเปลือกไข่ ออกมาโดยใช้หาง ซึ่งมีหนามแหลมติดตัวมาตั้งแต่เกิด พันธุ์ฮังการีหางหนาม กินแพะ แกะ และถ้าเป็นไปได้ก็จะกินมนุษย์เป็นอาหาร

 

 เฮบริเดี้ยนสีดำ (Hebridean Black)

            มังกรท้องถิ่นของอังกฤษอีกสายพันธุ์หนึ่ง ซึ่งดุร้ายกว่าพันธุ์ เวลส์สีเขียวเพื่อนร่วมถิ่นมาก พันธุ์เฮบริเดี้ยนสีดำใช้พื้นที่อยู่อาศัยถึง 100 ตารางไมล์ต่อ1 ตัว มันยาวได้ถึง 30 ฟุต เกล็ดไม่เรียบตาสีม่วงสุกใส และมีสันเตี้ย ๆ แต่คมกริบเรียงเป็นแถวตลอดแนวหลัง ปลายหางมี หนามใหญ่ลักษณะเหมือนลูกศรและมีปีกเหมือนค้างคาวเฮบริเดี้ยน สีดำกินกวางเป็นอาหารหลัก แต่ก็เคยบินโฉบเอาสุนัขตัวใหญ่หรือแม้ แต่แม่วัวไปกิน ตระกูลพ่อมดแมกฟัสดี้ที่มีถิ่นพำนักอยู่ในเฮบริดีซมานับศตวรรษรับหน้าที่ ดูแล ควบคุมมังกรประจำถิ่นพันธุ์นี้เรื่อยมา จนเป็นประเพณี

 ส่วนใหญ่จะมาจากหนังสือเรื่องHarry Potter

ขอขอบคุณที่มา http://www.zheza.com/